Menu

นิทรรศการเฉลิมฟิล์มกระจก ฉลองมรดกความทรงจำแห่งโลก
หัวข้อ: ศิลปวัฒนธรรมไทยงดงามประเพณี
นำเสนอภาพเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ที่พักอาศัย การเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำของชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองต่างๆ การประกอบอาชีพ เช่น การค้าขายของชำ การขายสินค้าจากต่างประเทศ เครื่องอุปโภคบริโภค ผลไม้ สมุนไพรจีน และการจับสัตว์น้ำ การแต่งกายของบุรุษและสตรีไทย ทรงผม การกรองมาลัย การจัดดอกไม้ การแข่งกีฬาฟุตบอล การแสดงนาฏศิลป์ ฯลฯ
The Classical Beauty in Thai Arts and Traditional Culture,
Displaying ways of life, including housing, community land and water transports along the bank of the Chao Phraya River and other canals, and occupations, such as grocery shops, import businesses, consumer goods, fruits, Chinese herbs and fishery, attire of Thai men and women, hairstyle, floral designs, football matches, and traditional dance. These images reflect ancient culture and lasting traditions of Thailand worthy of passing down and preserving for the future.

ภาพวิถีชีวิต “ขุนนางชาวสยาม”
ชายชาวสยามแต่งกายไว้ผมทรงหลักแจว ไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าโจงกระเบน กำลังนอนตะแคงข้างบนตั่งอิงหมอน มีสตรีซึ่งแต่งกายไว้ผมทรงดอกกระทุ่ม ห่มผ้าสไบ นุ่งผ้าลายยกดอกโจงกระเบน อยู่บนตั่งกำลังนวดให้ และมีบ่าวสตรีถือพัดขนนกคอยพัดวี แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชนชั้นสูงในอดีต ที่จะต้องมีบ่าวคอยปรนนิบัติพัดวีอยู่เสมอ คำบรรยายเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษด้านบน พอจะอ่านได้ว่า “...Siamese Nobleman...” ภาพชุดนี้น่าจะจัดฉากถ่ายโดยช่างภาพในสมัยรัชกาลที่ ๔ เพื่อจำหน่ายให้แก่ชาวต่างประเทศที่เดินทางมายังสยาม

Lifestyle: “Siamese Nobleman”
Siamese man, wearing Lak Chaew hair style, topless, floral loincloth, reclining on a lying platform, being massaged by a woman sitting on the platform, in Dok Krathum hair style, loincloth while another maidservant fanning him with feather fan. This depicts way of life of noble man in the past with maidservants around to serve him. This image probably set for posture purpose by a photographer in the 4th reign for sale to foreigners travelling to Siam.
ภาพวิถีชีวิต “สตรีชั้นสูงชาวสยามแต่งทรงผม”
สตรีชั้นสูงชาวสยามห่มผ้าสไบลายดอก นุ่งโจงกระเบนนั่งพับเพียบอยู่บนตั่ง มีสตรีอีกคนหนึ่งนุ่งโจงกระเบน ห่มผ้าแถบ ใช้กรรไกรแต่งทรงผมให้ บนตั่งมีคันฉ่องและพานโถปริกใส่เครื่องสำอางตั้งอยู่ ด้านล่างมีสตรีคนหนึ่งใช้ปากคาบสิ่งของคล้ายผ้ายาวๆ ใช้มือข้างหนึ่งดึงและมืออีกข้างหนึ่งถือหวี สันนิษฐานว่ากำลังสางหวีเพื่อทำความสะอาด ส่วนสตรีอีกคนหนึ่งนั่งพับเพียบถือพัดขนนกคอยปรนนิบัติ ด้านล่างมีคำบรรยายภาพเป็นภาษาอังกฤษแต่ว่าลบเลือน

Lifestyle : “Siamese Noblewoman in hairdressing”
Siamese noblewoman, wearing floral Sabai (breast wrapper across left shoulder), loincloth, sitting on seating platform with legs folded back to her side while another woman in loincloth, breast cloth using scissors for hair dressing. On the platform, there is a mirror and a cosmetic jar with gold top. Another woman is holding something in her mouth, looks like a long cloth, stretching by one hand with a comb in another hand, may be cleaning the comb. Another maidservant is sitting with legs folded back to her side and keep fanning her boss lady with feather fan. Unclear English caption below.
ภาพวิถีชีวิต “ขุนนางชาวสยาม”
ชายชาวสยามแต่งกายแบบขุนนาง ไว้ผมทรงหลักแจว สวมเสื้อคอตั้งผ่าอกแขนยาว นุ่งโจงกระเบน นั่งบนแท่นปูพรมโดยชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งและห้อยลงอีกข้างหนึ่ง ปากคาบกล้องยาสูบยาว ที่เรียกว่ากล้องราชวัง โดยใช้มือข้างซ้ายถือกล้องยาสูบไว้ เอนกายพิงหมอนอิง บนตั่งตั้งกระโถนใหญ่ ขันน้ำพานรอง พานหมากกลีบบัวพร้อมเครื่อง บริวารชายแต่งกายไว้ผมทรงหลักแจว ไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าโจงกระเบน หมอบอยู่หน้าแท่น มือขวาถือดินสอทำท่าจดลงบนสมุดไทย บริวารหญิงแต่งกายไว้ผมทรงดอกกระทุ่ม ห่มผ้าสไบ นุ่งผ้าโจงกระเบน นั่งปรนนิบัติ คนหนึ่งถือพัดขนนก ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังจุดกล้องยาสูบ

Lifestyle : “Siamese Nobleman”
Wearing Lak Chaew hair style in noble attire, long-sleeved shirt, mandarin collar, loincloth, seating on carpeted platform with one knee up and another hanging leg, holding tobacco pipe in his mouth with left hand, leaning against resting pillow. On the platform, there are a big spittoon and bowl with a supporting stand and lotus tray of betel nut set with a topless crouching man in loincloth in front, holding a pencil and is about to write down on a book. Another maidservant in Dok Krathum hairstyle, wearing Sabai (breast wrapper across left shoulder), loincloth sitting ready to serve while a maidservant fanning with feather fan and another is lighting the tobacco pipe.
ภาพวิถีชีวิต “ครอบครัวชาวสยามกำลังปรุงอาหาร”
ด้านซ้ายของภาพเป็นสตรีไว้ผมทรงดอกกระทุ่ม ห่มผ้าหลวมๆ นุ่งโจงกระเบน นั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง กำลังใช้สากตำครกดินเผา กลางภาพเป็นชายไว้ผมทรงหลักแจว ไม่สวมเสื้อ นุ่งโจงกระเบน กำลังใช้จวักตักอาหารชึ้นมา ด้านหน้ามีเตาอั้งโล่ ตั้งกระทะเหล็กสำหรับปรุงอาหาร หน้าเตามีเขียงและมีด ด้านขวาของภาพมีเด็กไว้ผมจุก ไม่สวมเสื้อ ถือจวักมองลงไปในหม้อดินเผาที่ตั้งอยู่บนเตาเชิงกราน ด้านล่างของภาพ มีคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษว่า “Siamese Family Preparing their meal”

Lifestyle: “Siamese Family Preparing their meal”
Left of the image is a woman in Dok Krathum hair style, loosely breast cloth, loincloth, sitting with one knee up and pounding a baked clay mortar. In the middle is a man in Lak Chaew hair style, loincloth, topless, ladling some food. In front is an earthen stove with a pan on it, a chopping block and knife is in front of the stove. On right of the image, a top-knot boy, topless, is holding a ladle looking at a clay pot on the pelvic stove. English caption “Siamese Family Preparing their meal” underneath the image.
ภาพวิถีชีวิต “การพนันของชาวสยาม”
กลุ่มบุคคลนั่งล้อมวงกันบนเสื่อ มีชายไว้ผมเปียแบบชาวจีนซึ่งน่าจะเป็นเจ้ามือนั่งอยู่กลางภาพ ที่เสื่อตีตารางเป็นกากบาทแบ่งเป็นสี่ช่องและมีเบี้ยวางสำหรับเล่นพนัน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการเล่นโปกำ

Lifestyle: “Siamese Gambling”
A group of individuals sitting in circle on a mat with a pig-tailed Chinese man, believed to be the host sitting in the center. The mat is drawn with cross dividing many squares, laid by gambling money. It could be Pokam, a kind of gambling.
ตัวละคร พราหมณ์
ตัวละครหญิงแต่งกายเป็นพราหมณ์ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือเป็นเครื่องสีขาว นุ่งผ้าขาว เสื้อขาว สวมกระบังหน้า และมีผ้าสไบขาวห่มทับบนตัวเสื้อ ในภาพสนับเพลาของตัวละครปักด้วยเส้นไหมทองแบบหักทองขวาง ชายไหว ชายแครง กรองคอ และอินทรธนูปักตกแต่งด้วยดิ้น เลื่อม และทองแล่ง ที่ข้อมือตัวละครไม่สวมกำไลแผงหรือกำไลซ้อนชั้น แต่สวมกำไลครึ่งซีกซ้อนกันข้างละ ๓ วง สวมเล็บโลหะต่อปลาย กระบังมีลักษณะพิเศษคือ ที่ดอกไม้ไหวแต่ละช่อนั้นยังต่อปลายด้วยดอกไม้ไหวช่อเล็กๆ อีกกิ่งละ ๓ ช่อ และที่กรรเจียกแขวนกุณฑลหรือต่างหูระย้า
สันนิษฐานว่าเป็นภาพถ่ายคณะละครคณะหนึ่ง ในช่วงปลายรัชกาลที่ ๔

Female character in a play, Brahmin.
Typical dress in white as Brahmin, the female character in a play, wearing bracelets, long metal nails, forehead’s ornament decorated with artificial quiver flowers, ears dress and ear rings.
It is presumed an image of a player in a troupe around late the 4th reign.
ตัวละคร ตัวนาง
ตัวละครหญิงแต่งกายอย่างตัวนาง ศีรษะสวมรัดเกล้าเปลว อาจหมายถึงนางเอกในละครรำเรื่องต่างๆ ตามขนบละครตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่ว่าตัวนางแม้เป็นนางกษัตริย์ก็จะไม่สวมรัดเกล้ายอด ตัวละครนุ่งผ้าลายอย่างลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแย่ง ห่มผ้าห่มนางที่ทำจากผ้าอัตลัด มีกรองคอ (นวมคอ) ที่กรึงประดับด้วยกระเบื้องปิดทอง (หรือกระแหนะรักปิดทอง) ในภาพจะเห็นการใช้เชือกโยงรัดเกล้าทับลงบนผมยาวที่กรีดเรียบด้วยน้ำมัน เพื่อยึดโยงรัดเกล้ากับท้ายช้องที่บริเวณท้ายทอยด้านหลัง (สันนิษฐานว่าเป็นช้องผมมิใช่ผมจริง เพราะเห็นรอยผมขูดใต้ช้อง) บนกรองคอสวมจี้เสมาทับไว้ มือข้างซ้ายสวมเล็บเพียงสามนิ้ว คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง (สันนิษฐานว่าใส่เพียงเพื่อถ่ายรูป มิได้ออกแสดงในลักษณะนี้) ไม่สวมกำไลข้อเท้า
สันนิษฐานว่าเป็นภาพถ่ายคณะละครคณะหนึ่ง ในช่วงปลายรัชกาลที่ ๔

Female character in a play.
In typical traditional dance costume for female character, wearing flame headdress, perhaps referring to the female main actor in a play since Ayutthaya onto Ratanakosin Period, with pendant necklace and wearing only three long metal nails atop fore finger, middle finger and ring finger (perhaps just for photo-taking) but no anklets.
It is presumed an image of a player in a troupe, late the 4th reign.
ตัวละคร พระเอก
ตัวละครชายแต่งกายอย่างที่เรียกว่า “ยืนเครื่อง” อาจหมายถึงพระเอกในละครรำเรื่องต่างๆ ตัวละครผัดหน้าขาวและสวมชฎายอดชัยที่ทำจากกระแหนะรัก มีดอกไม้ทองทัดเหนือกรรเจียกข้างซ้าย (ไม่ทัดอุบะดอกไม้ทัดที่เป็นเครื่องสด) ภาพนี้ผู้แสดงแบบเป็นคนเดียวกันกับภาพพระอินทร์ โดยสังเกตจากจี้เสมา แหวน และเครื่องแต่งกายที่เป็นชุดเดียวกัน
สันนิษฐานว่าเป็นภาพถ่ายคณะละครคณะหนึ่ง ในช่วงปลายรัชกาลที่ ๔

Male character in a play.
In the typical costume of male character called “Yuen Khruang” referring the main actor in any play, applying with white face powder, wearing pointed headdress, gold flower ears dress and fresh flowers at the left ear. This person in this image also dressed as Indra God as he wears the same costume.
It is presumed an image of a troupe in late the 4th reign.
ตัวละคร พระอินทร์
ตัวละครตัวพระแสดงเป็นพระอินทร์ (หรือพระราม) สวมหน้าโขนยอดเดินหน อาจใช้สำหรับแสดงโขนหรือละคร นุ่งผ้าลายอย่างทับสนับเพลา สวมเสื้อแขนยาวตัวในปักแขนเป็นปล้อง มีเสื้อตัวนอกทับอีกชั้นหนึ่ง อินทรธนูมีขนาดเล็กสั้นเป็นพิเศษ กรองคอ ชายไหว ชายแครง ปักตกแต่งด้วยดิ้น เลื่อม และทองแล่ง ตัวละครสวมสร้อยคอที่ผูกจี้เสมาทับเหนือกรองคอ เป็นเครื่องประดับที่นิยมในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เพื่อแสดงฐานะ ซึ่งปกติไม่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายโขนละคร นอกจากนี้ยังสวมเล็บโลหะโค้งที่ต่อปลายเล็บด้วยหวายให้ยาวขึ้น ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลมาจากละครหลวงหรือโนราชาตรี
สันนิษฐานว่าเป็นภาพถ่ายคณะละครคณะหนึ่ง ในช่วงปลายรัชกาลที่ ๔

Indra God character in a play
A player acts as Indra God (or Rama), in mask, probably used in a mask performance or a play, in typical male character dress, particularly the trendy pendant necklace in early Ratanakosin Period showing financial status, the extra part of the mask dress. In addition, the player wears curved metal nails that could be an influence from the royal play or Nora Chatri.
It is presumed the image taken from a troupe in late the 4th reign.
เรือนแพและเรือสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยา
ภาพถ่ายราวรัชกาลที่ ๔ แสดงให้เห็นสภาพบ้านเรือนแพค้าขายริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กับเรือสินค้าเป็นเรือเดินทะเลจากตะวันตก ภาพนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดเสรีทำการค้ากับต่างประเทศภายหลังจากที่สยามทำสนธิสัญญาทางไมตรีและการค้ากับชาติต่างๆ ในช่วงปลายรัชกาลที่ ๓ ถึงรัชกาลที่ ๔

Rafts and Ships in the Chao Phraya River
Approximately in the 4th reign, the image displays shopping rafts and commercial ships from the west along the bank of the Chao Phraya River. Also reflects free trade with foreign countries after signing the treaties of amity and economic relations with various nations from late the 3rd reign to the 4th reign.
บ้านราชทูต
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดประยูรวงศาวาส วรวิหาร ฝั่งธนบุรี แต่เดิมเป็นห้างหันแตร สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ปรับปรุงเป็นบ้านรับรองราชทูต โดย เซอร์จอห์น เบาว์ริง ราชทูตจากสหราชอาณาจักร ที่เข้ามากรุงสยามเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ เป็นราชทูตคนแรกที่ได้พัก ณ บ้านรับรองนี้ ภายหลังเป็นบ้านของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ได้พำนักอยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๗ จึงย้ายไปอยู่ที่บ้านบุนนาค บ้านราชทูตหลังนี้ได้ทำสัญญาให้กรมทดน้ำเช่าเพื่อเป็นอาคารสำนักงาน หลังจากนั้นรื้อลงปีใดไม่ปรากฏหลักฐาน

Ambassador’s residence.
Located at the riverside of the Chao Phraya River, in front of Wat Prayurawongsawat Worawihan, Thonburi, previously it was Hunter’s Store established in King Nangklao’s reign. The store later renovated by King Mongkut’s command to be the residence for Sir John Bowring, the Britain’s envoy that came to Siam in 1855 and was the first staying here. Then it belonged to Chao Phraya Phasakornwong (Phorn Bunnag). He resided here until 1914 prior moving to Bunnag Residence as it was rented by Department of Irrigation for its office building which was pulled down in unknown year.
อาคารสุนันทาลัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สร้างเป็นตึกใหญ่ ๒ ชั้น ๒ หลัง ตามสถาปัตยกรรมแบบยุโรป โดยเลือกสถานที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลปากคลองตลาด อาคารหนึ่ง คือ “ ROYAL SEMINARY ” สุนันทาลัยที่แม่น้ำ และอีกอาคารหนึ่ง คือ สุนันทาลัยฝั่งใต้ ( ตึกนาฬิกา ) เริ่มสร้างอาคารเมื่อปี พุทธศักราช ๒๔๒๓ ภาพนี้ น่าจะถ่ายในช่วงที่ดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากยังเห็นนั่งร้านในการก่อสร้างติดตั้งอยู่ ปัจจุบันคือบริเวณโรงเรียนราชินี

Sunadalai Buildings
Built in European style at the riverside of the Chao Phraya River Pak Khlongtalat Sub-district , the two storeyed buildings Memorial Building for Queen Sunanda Kumariratana, the passed away queen consort, one of the two is ROYAL SEMINARY or Sunandalai at the river and another one is Sunandalai at the south (clock tower). This image taken under construction (scaffold in image) which began in 1880. Currently it is Rajini School.
สะพานไม้แก่นข้ามลำน้ำภาชี ตำบลดอนบม แขวงเมืองหล่มศักดิ์ เมืองขอนแก่น ข้าราชการ พ่อค้า และราษฎร ร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อรัตนโกสินทร์ศก ๑๒๑ (พุทธศักราช ๒๔๔๖) เป็นสะพานขนาดใหญ่แข็งแรงมาก ช้างและเกวียนสามารถข้ามได้ เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่อำนวยความสะดวกในการสัญจรและค้าขาย

Old bridge crossing over the Phachi River, in Donbom Sub-district, Lomsak, Khon Kaen, built in 1903 by local officials, merchants and the public. A very big and strong bridge, a conveniently crossway by elephants and carts, one of a communication route for trade and transportation purpose.
กลุ่มชาวบ้านจับสัตว์ในแม่น้ำ ถ่ายเมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน พุทธศักราช ๒๔๔๙

Fishery in a river, taken during Prince Damrongrajanubhab’s inspection tour in Monthon Isan in 1906.
หญิงชาวบ้านถือร่มและหาบกระบุง ถ่ายเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการมณฑลอุดร พุทธศักราช ๒๔๔๙

Duo women, carrying umbrella and bamboo basket, taken during Prince Damrongrajanubhab’s inspection tour in Monthon Udon in 1906.
การแต่งกายหญิงสูงอายุ ถ่ายเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการมณฑลอุดร พุทธศักราช ๒๔๔๙

Elderly woman’s outfit, taken during Prince Damrongrajanubhab’s inspection tour in Monthon Udon in 1906
หมู่เรือนเครื่องผูกราษฎรริมน้ำ หลังคามุงจาก ฝากระแชง ด้านหลังมียุ้ง ตั้งกระพ้อมเก็บข้าวเปลือก ๒ หลัง

Located along the river bank is a cluster of Thai houses, composing parts tied together with rattan, thatched roof, wall made from leaves sticked together, and 2 barns at the back housing rice bamboo baskets.
ร้านขายสินค้าของฝรั่งในกรุงเทพมหานคร สมัยรัชกาลที่ ๕

A commercial shop selling foreign items in the 5th reign.
ตึกแถวริมคลองในกรุงเทพมหานคร

Commercial buildings along the bank of a canal in Bangkok.
ร้านจีนสมบุญ ขายสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ที่ปากน้ำโพ เมืองนครสวรรค์ ถ่ายเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้น พุทธศักราช ๒๔๔๙

Chinsombun Shop, selling big sized consumers’ goods at Paknampho, Nakhon Sawan, taken during King Chulalongkorn’s incognito travel, in 1906.
ร้านขายของชำและเครื่องจักสาน ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หน้าร้านตั้งแผงขายผัก

Grocery’s store and basketwork for daily use, in front of the store is vegetable stall.
บรรยากาศการรับส่งผู้โดยสารที่ท่าเรือ

Drop off service at a pier
เรือนแพริมแม่น้ำสมัยรัชกาลที่ ๕

Raft houses in a river, the 5th reign.
เรือนแพริมน้ำหน้าพระราชวังจันทรเกษม มณฑลกรุงเก่า พระนครศรีอยุธยา

Raft houses in front of Chandrakasem Palace, the old capital of Ayutthaya.
เรือนแพกับเรือบรรทุกของ

Raft houses and barges.
แม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือจ้าง เรือเดินสมุทร เรือพระที่นั่งจักรี (ลำขาว) และพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม

The Chao Phraya River with taxi-boats, ships, the Royal Yacht Maha Chakri (white) and the Prang of Wat Arun Rajawararam on the background.
เรือนแพในลำน้ำป่าสัก พระนครศรีอยุธยา สมัยรัชกาลที่ ๕

Raft houses in the Pasak River, Ayutthaya, in the 5th reign.
เรือใบเดินทะเลชื่อ NGUAN ANN ในแม่น้ำเจ้าพระยา ถ่ายหน้าเจดีย์กลางน้ำ วัดพระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ

NGUAN ANN Ship in the Chao Phraya River, taken in front of the Chedi in the River, Wat Phra Samut Chedi, Samut Prakan.
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต เมื่อยังไม่ทรงเครื่องประจำฤดู เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ประดิษฐานในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร

The uncloak Emerald Buddha, the deeply revered and venerated in Thailand as the protector of the country, housed in Wat Phra Sriratana Sasadaram in Bangkok.
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต ทรงเครื่องประจำฤดูร้อน วันกำหนดเปลี่ยนเครื่องทรงตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ (ราวเดือนมีนาคม)

The Emerald Buddha in hot season attire, the day for changing attire is scheduled for the 1st day of the 4th waning moon (approximately in March).
การรำแม่บทใหญ่ ท่าหนังหน้าไฟ ที่วังวรดิศ โดยนางสาวเสงี่ยม นาวีเสถียร กับนายวา กาญจนวัจน เป็นนักแสดงของกรมมหรสพ

Prototypical traditional Thai dance in Nang Na Fai posture at Varadis Palace by Miss Sa-ngiam Navisathian and Nai Wa Kanchanawatchana, actors from the Theatre Department and Nai Wa Kanchanawatchana, actors from the Entertainment Department
เจ้าจอมมารดาอ่อนเกล้าผมให้ เด็กหญิงเจริญ ธนประดิษฐ (ต่อมาเป็นนางสุนทรพินิจ ภรรยาของพระสุนทรพินิจ (บริบูรณ์ มิตรภักดี) ณ ระเบียงพระที่นั่งวิมานเมฆ พุทธศักราช ๒๔๔๘ (ภาพฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

Chao Chom Manda On while dressing hair for Charoen Thanapradit (before becoming Nang Sunthonphinit) Phra Sunthonphinit (Boribun Mitphakdi) ‘s wife, taken at a corridor of Phra Thinang Vimanmek in 1905 by King Chalualongkorn.
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามาลินีนภดารา กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ประทับนั่งตัดเย็บพระภูษา ในพระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต

Princess Malini Nobhadara, Princess of Srisatchanalai and Princess Nibha Nobhadol, Princess of Uthong, King Chalualongkorn’s daughters, sewing clothes in Phra Thinang Vimanmek, Dusit Palace.
รถลากหน้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า บนถนนเจริญกรุง ย่านบางรัก กรุงเทพมหานคร สมัยรัชกาลที่ 5

A rickshaw in front of an electric appliances shop on Charoen Krung Road, Bang Rak in Bangkok, in the 5th reign.
พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอรรคชายาเธอ (องค์กลาง) และเจ้าจอมมารดาอ่อน เจ้าจอมเอี่ยม เจ้าจอมเอิบ เจ้าจอมอาบ เจ้าจอมเอื้อน ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในห้องเครื่อง พระราชวังดุสิต

Princess Saisavali Bhiromya Krom Phra Suddhasininat Piyamaharaj Padivaradda, the Princess Consort, Chao Chom Manda On, Chao Chom Iam, Chao Chom Erb, Chao Chom Aab, Chao Chom Eun, consorts of King Chulalongkorn in the kitchen of Dusit Palace.
หม่อมเจ้าอุไรวรรณ ทองใหญ่ นั่งกรองมาลัยในพระราชวังดุสิต

M.C.Urawan Thongyai, stringing garland-flowers in Dusit Palace.
หม่อมเจ้าอุไรวรรณ ทองใหญ่ (ซ้าย) และหม่อมศรีพรหมา กฤดากร (เดิมชื่อ เชิดศรี ณ น่าน) (ขวา) ขณะจัดดอกไม้ ในพระราชวังดุสิต สมัยรัชกาลที่ ๕

M.C.Uraiwan Thongyai (left) and M.C.Siphromma Krisdakorn (original name: Choedsi Na Nan) (right), flower arrangement in Dusit Palace, the 5th reign.
ละครชาววัง นางตลับแต่งตัวเป็นนางคันธมาลี ตอนแต่งตัวขึ้นเฝ้า ในละครเรื่องคาวี แสดงในงานขึ้นพระตำหนักเรือนต้น พระราชวังดุสิต พุทธศักราช ๒๔๔๘

Lakorn Chaowang (courtier’s play); Nang Talab dresses as Nang Khanthamali in Khawi Play, performing on the occasion of the house warming ceremony of Ruen Ton, Royal Residence, Dusit Palace in 1905
หม่อมเจ้าบันดาลสวัสดี ดิศกุล (ซ้าย) และหม่อมเจ้าสรรพสมบูรณ์ ดิศกุล (ขวา) ทรงแต่งกายเสื้อคอกระเช้า นุ่งผ้าโจงกระเบน หม่อมเจ้าบันดาลสวัสดีทรงไว้ผมตัด ส่วนหม่อมเจ้าสรรพสมบูรณ์ทรงเกล้าจุก ทรงถ่ายกับรูปปั้นเด็กผมจุกที่วังวรดิศ

Two noble girls (right) M.C.Saphasomboon Diskul (left) M.C.Bandansawatdi Diskul at Varadis Palace, in loincloth, wearing topknot and short haircut, taken with a topknot child statue
ทีมฟุตบอลสโมสรกรมมหรสพได้รับพระราชทานถ้วยเกียรติยศของสมาคมฟุตบอลแห่งสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ระบุปีที่ลูกฟุตบอลเป็นพุทธศักราช ๒๔๖๑)

Department of Entertainment’s football team receiving a trophy of honor from the Football Association of Siam under the Royal Patronage (indicated on the ball, in 1918).
นักกีฬาฟุตบอล คณะบรมบาทบำรุง สมัยรัชกาลที่ ๖ (ระบุปีที่ลูกฟุตบอลเมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๒)

Football players, Boromnat Bamrung Team, in the 6th reign (indicated on the ball, in 1919).
รถเข็นและหาบเร่ที่สนามหลวงด้านวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

Carts and hawkers at Sanam Luang in front of Wat Phra Sri Ratanasasadaram.
เรือนแพริมน้ำ
Raft house
ตลาดน้ำและเรือนแพ
Floating market and raft houses
ร้านขายร่ม เลื่อย เชือก เสื้อผ้า ถนนนครใน จังหวัดสงขลา สมัยรัชกาลที่ ๕

A shop selling umbrellas, saws, ropes and clothes on Naknonnai Road, Songkhla in the 5th reign.
กลุ่มเกวียนเทียมวัว และเรือบรรทุกที่ริมแม่น้ำน่าน หน้าเมืองพิชัย ปัจจุบันคืออำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์

A group of carts and barges along the bank of Nan River, in front of Phichai, currently is Phichai District in Utradit Province.
ร้าน อี้ ฮั่ว เชียง สี่กั๊กเสาชิงช้า ตอนที่เป็นจุดตัดกันระหว่างถนนตะนาว ถนนบำรุงเมือง และถนนเฟื่องนคร ใกล้กับแพร่งภูธร มองไปทางกระทรวงกลาโหมเห็นหอนาฬิกา

E Hua Chiang Shop at Sikak Saochiingcha, here is the intersection of Tanao Road, Bamrungmuang Road, and Fuangnakhon Road, near Phrang Phuthon. Looking towards Ministry of Defense, a clock tower is seen in the image.
การออกร้านของห้าง บี กริม แอนโก ในการประชุมแห่งบุรพเทศเวชชกรรม ครั้งที่ ๘ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ห้าง บี กริม แอนโก ชาวเยอรมันเป็นเจ้าของ ขายยาและนำเข้าสินค้าต่างๆจากต่างประเทศ

B Grimm and Co. temporary shop in the medical conference at Chulalongkorn University. B Grimm and Co. is a German owned store, selling drugs and imported items.
ห้างขายใบชา มุ้ย หลี ของชาวจีน
The Chinese owned Muilee Tea Shop.
ชาวบ้านยกยอ
Fishing men are lifting Yor (fishing tool)
การซื้อขายผลไม้ริมคลอง
Fruits trade along a canal
สะพานหัน ย่านสำเพ็ง แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ เดิมเป็นแผ่นไม้เล็กๆ หันให้เรือผ่านไปมาได้ ทอดข้ามคลองรอบกรุง (คลองโอ่งอ่าง) บนสะพานมีร้านขายของเล็กๆ

Saphanhan Bridge at Sampheng, Chrakrawat, Samphanthawong Area, crossing over Ong-ang Canal that running through the capital, with small vending stalls on the bridge (at first, the bridge made of a small wooden plate and could be turned to other side for boats to get through).
ตลาดน้ำ การค้าขายโดยใช้เรือบรรทุกสินค้า

Floating market by boats loaded with goods using waterways as means of water communication.
ถนนเจริญกรุงบริเวณภัตตาคารและโรงแรมมี่เฮียงเหลา และห้างแปซิฟิคสโตร์

Charoen Krung road (New Road) near Cook Shop Mi Hiang Lao and Pacific store.
ตลาดขายผลไม้และการซื้อขายทุเรียน
Fruits market and durian trading.
ทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือกระแชงกำลังล่องผ่านวัดซางตาครู้ส (Santa Cruz Church) หรือวัดกุฎีจีน

Scene of the Chao Phraya River, a Krachang boat is passing Santa Cruz Church or Wat Kudichin, located on the bank of the Chao Phraya River.

ผู้สนับสนุน



© 2018 เฉลิมฟิล์มกระจก ฉลองมรดกความทรงจำแห่งโลก